Kisah Nyata! Budi Dari Pemulung Sekarang Bisnis Jual Beli Sapi Qurban Gara-Gara Mahjong Ways Penjual Bakso Naik Haji Gara-Gara Pola Maxwin Dari Admin Gorzom Saat Bermain Game Mahjong Ways Bongkar Trik Udin Dapat Jackpot Rp.186 Juta Cuma Modal 10 Ribu Pakai Pola Mahjong Ways 2 Dari IJP88 Pak Tarno Kaget Anaknya Pulang Bawa Motor Baru Pas Ditanya (Dapet Jackpot Mahjong Wins 3) Resep Masakan Tradisional Ketoprak Lotong Hijau, Paling Enak Disantap Sambil Main Mahjong Ways 2 Bikin Heboh 1 Kampung! Andre Asal Jombang Gak Sengaja Dapat Mobil Avanza Baru Dari Mahjong Ways Resep Ayam Kampung Bumbu Kuning Ala Scatter Hitam Mahjong Ways 2, Rasanya Bikin Tajir Melintir! Viral! Mantan Karyawan Fast Food Ini Raup Rp100 Juta dari Slot Mahjong Wins 3 di SIGMASLOT Viral! Penjual Es Keliling Sukses Jadi Pengusaha Es Krim Berkat Jackpot Mahjong Wins di FORBES88 Viral! Pegawai SPBU Putuskan Resign Setelah Dapat Jackpot Mahjong Wins di FORBES88 Bikin Heboh! Trik Rahasia Pesulap Merah Bikin Jackpot Mahjong Wins 3 di Situs FORBES88 Kisah Viral! Mantan Tukang Cilok Mas Pardi Jadi Bos Besar Setelah Menang Maxwin di Mahjong Ways 3 FORBES88 Resep Kue Klepon Gacor ala SIGMASLOT, Terinspirasi Scatter Hitam Mahjong Wins 3 Viral! Tukang Ojek di Jambi Mendadak Tajir Usai Dapat 2 Scatter Hitam di Mahjong Wins 3 SIGMASLOT Kisah Inspiratif! Eks Tukang Service AC Ini Kini Punya Pabrik Sendiri Gara-Gara Main Mahjong Wins OPPO vs iPhone, Mana yang Lebih Gacor untuk Main Mahjong Wins 3 dan Dapat Scatter Hitam? Viral! Tedy Sukses Jadi Pengusaha Durian Setelah Menang Mahjong Wins 3 di SIGMASLOT Main Mahjong Wins di SIGMASLOT, Modal Receh Bisa Jadi Cuan Maksimal!
สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวเปิดงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ชี้ทางรอดเดียวจากวิกฤตโควิด-19 คือโลกต้องร่วมมือกันในระดับพหุภาคี – สำนักงานกิจการสภา
Skip to content

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวเปิดงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ชี้ทางรอดเดียวจากวิกฤตโควิด-19 คือโลกต้องร่วมมือกันในระดับพหุภาคี

  • ข่าว

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวเปิดงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ชี้ทางรอดเดียวจากวิกฤตโควิด-19 คือโลกต้องร่วมมือกันในระดับพหุภาคี

ในปาฐกถาเปิดงานเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM เซสชันแรกว่าด้วยระเบียบโลกหลังโควิด-19 เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถอยห่างจากกัน ที่ Thailand E-Sports Arena กรุงเทพฯ วันนี้ (29 พฤษภาคม) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เดิมภูมิสถาปัตย์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ 2-3 ปี แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เกิดกระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์ขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดการดิสรัปต์ของเทคโนโลยีในยุค 4.0 ซึ่งเดินสวนกระแสการต่อต้านโลกาภิวัตน์ เพราะเทคโนโลยีสามารถขับเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้โดยไร้พรมแดน ซึ่งทำให้เกิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนขึ้น

ช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 โลกาภิวัตน์ถูกท้าทายมากอยู่แล้ว และเกิดความถดถอยของความร่วมมือในการแก้ปัญหาผ่านเวทีพหุภาคี ที่เห็นได้ชัดคือนโยบายของสหรัฐฯ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การถอนตัวจากข้อตกลงพหุภาคีหรือความร่วมมือระหว่างประเทศในหลายๆ เรื่องของรัฐบาล ไปจนถึงการใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีน และการยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเพียงฝ่ายเดียว

แต่สิ่งที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมาคือหลายประเทศเริ่มส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งก็ยังเป็นระบบพหุนิยมอยู่ โดยไทยได้ผลักดันความร่วมมือผ่านอาเซียนบวกกับประเทศคู่ค้าในกรอบ RCEP 15+1 ประเทศ รวมถึงการปัดฝุ่นข้อตกลง CPTPP ที่เป็นเขตการค้าเสรีข้ามแปซิฟิก

สิ่งที่เราเห็นในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือความร่วมมือระหว่างประเทศที่ลดลง แม้ปัญหาโรคระบาดเป็นปัญหาข้ามพรมแดน แต่การแก้ไขปัญหาโรคระบาดกลับจำกัดอยู่เพียงในพรมแดนของตน โดยมีความรักชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ ดร.สุรเกียรติ์ มองว่าทางเดียวที่จะรอดจากวิกฤตนี้คือความร่วมมือระหว่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาไม่เป็นเช่นนั้น ดังจะเห็นได้จากความร่วมมือกับสหประชาชาติ (UN) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) มีค่อนข้างน้อย บางประเทศมีการปิดพรมแดน มีมาตรการป้องกันที่แตกต่างกันในหลายประเทศ ทั้งที่ควรจะสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน

เมื่อระบบพหุภาคีถูกท้าทายมากขึ้น บวกกับการขยายตัวของกระแสชาตินิยม ทำให้เรามองข้ามระบบพหุภาคี หรือความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้บทบาทขององค์การระหว่างประเทศยิ่งเสื่อมถอยลง ถึงขนาดที่เลขาธิการสหประชาชาติเคยออกมาพูดว่า เวลานี้โลกกำลังขาดผู้นำ

โลกาภิวัตน์ในปัจจุบันจึงมีลักษณะที่เป็นเสี่ยงเสี้ยว โดยสงครามการค้าที่เริ่มมาก่อนโควิด-19 ทำให้หลายประเทศต้องหันมาพึ่งพาตนเอง ขณะที่โลกระบาดเป็นตัวเร่งให้เกิดแนวคิดการแยกเศรษฐกิจหรือห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ออกจากกัน โดยเน้นการลงทุนในประเทศตนเองมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาต่างประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารและความมั่นคงทางสาธารณสุข เพื่อให้ยืนด้วยตัวเองได้อย่างมั่นคง

ดร.สุรเกียรติ์ มองว่าโลกเวลานี้มีผู้นำหลายขั้ว ซึ่งแต่ละประเทศอาจโดดเด่นในแต่ละเรื่อง สหรัฐฯ อาจเป็นผู้นำทางการทหาร แต่ในด้านการเมืองอาจไม่ใช่อีกต่อไป เพราะสหรัฐฯ กำลังหันหลังให้กับระบบพหุนิยมหรือความร่วมมือระดับพหุภาคี ซึ่งอาจส่งผลต่อบทบาทการเป็นผู้นำทางการเมืองในเวทีโลก ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น สหรัฐฯ และจีนก็แข่งขันกันอย่างคู่คี่สูสี โดยมีอาเซียน 10+3 ที่โดดเด่นขึ้นมา เช่นเดียวกับเทคโนโลยี ก็มีจีนขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญของสหรัฐฯ ขณะที่เอเชียก็มีหลายประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยหลายประเทศก็อาจขึ้นมาเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งอาจไม่ใช่สหรัฐฯ จีน หรือสหภาพยุโรป

แต่ถึงแม้โลกาภิวัตน์และระบบพหุภาคีจะถูกกระทบ แต่ในภาพรวมยังมีความเป็นโลกนิยม (Globalism) อยู่ แต่ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีนจากการแข่งขันในมิติต่างๆ จะผลักให้โลกก้าวสู่ยุคสงครามเย็น และอาจนำไปสู่สงครามตัวแทนในอนาคตได้

ช่วงท้าย ดร.สุรเกียรติ์ แนะว่า โลกควรให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพมากขึ้น และให้จับตาเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ และการส่งเสริมระบบการแพทย์ทางไกล

โควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป สิ่งนี้ได้สร้างความท้าทายในด้านการศึกษา รวมถึงบทบาทใหม่ของสถาบันการศึกษาที่เน้นการศึกษาข้ามสาขา เช่นเดียวกับการปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่

ขณะเดียวกันโควิด-19 จะเร่งให้เกิด Economy of Trust หรือเศรษฐกิจของความเชื่อถือขึ้น จริงๆ แล้วเรื่องนี้พูดกันมา 3 ปีแล้ว แต่เวลานี้มีความสำคัญมากขึ้น เพราะจากนี้ไประบบเศรษฐกิจจะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและติดตามได้ เช่น ตรวจสอบว่ามีคนติดเชื้อแล้วจะต้องตามต่อได้ หรือดูว่าอาหารปลอดภัยจริงไหม ฟื้นฟูร่างกายได้จริงไหม ผู้คนมีความปลอดภัยที่จะเดินทางข้ามประเทศได้จริงหรือไม่ และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวเปิดงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ชี้ทางรอดเดียวจากวิกฤตโควิด-19 คือโลกต้องร่วมมือกันในระดับพหุภาคี